พ.ต.อ.ณรงค์ เอี่ยมระหงษ์ ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีฆาตกรรมหั่นมือว่า ขณะนี้มือทั้งสองข้างของนางสาววรัญญาหรือแจน อายุ 18 ปี ยังตรวจสอบไม่พบ ทั้งนี้ ชุดสืบสวนอยู่ในระหว่างไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังเพิ่มเติมอีกครั้ง เนื่องจากการตรวจสอบพบว่า นายธนากรณ์หรือแซน อายุ 19 ปี ผู้ต้องหา ไม่ได้มีการจอดแวะที่ไหนระหว่างขนศพมาอำพราง มีจอดเพียงแค่จุดที่ทิ้งศพใต้ทางด่วนเท่านั้น

ทั้งนี้ นายธนากรณ์หรือแซนได้รู้สึกตัวเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา เบื้องต้น ตำรวจได้พยายามสอบถามข้อเท็จจริงถึงสาเหตุการลงมือฆาตกรรมและมือทั้งสองข้างว่าเอาไปทิ้งไว้ที่ไหน ปรากฎว่า นายธนากรณ์หรือแซนไม่ได้ให้ความร่วมมือในไม่ตอบข้อซักถามของตำรวจ ทางตำรวจจึงขอให้ญาติสนิทของนายแซนช่วยเกลี้ยกล่อมสอบถามแทนว่า มือทั้งสองข้างเอาไปทิ้งไว้ที่ไหน ซึ่งก็ต้องรอทางญาติเข้าไปพูดคุยกับนายแซนต่อไป

อย่างไรก็ตาม มือทั้งสองข้างนั้น ไม่ว่าจะพบหรือไม่ ก็ไม่มีผลต่อทางคดี แต่ตนเข้าใจว่า มันมีผลต่อสภาพจิตใจของครอบครัวผู้เสียชีวิตมากกว่า เนื่องจากคนเสียชีวิตนั้น ก็ควรจะต้องมีชิ้นส่วนร่างกายให้ครบก่อนทำพิธีทางศาสนา

โดยหลังจากนี้ จะต้องสอบปากคำผู้ต้องหาให้แล้วเสร็จก่อน เพื่อที่ให้ได้ข้อมูลที่จะสามารถตามหาชิ้นส่วนมือของผู้เสียชีวิตได้ ส่วนที่มีประเด็นข่าวว่า นายแซนได้นำมือผู้ตายทิ้งลงไปในชักโครกนั้น ประเด็นนี้ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะต้องรอคำให้การของผู้ต้องหาก่อน รวมทั้งดูถึงความน่าจะเป็นด้วยว่ามันเป็นไปได้หรือไม่ โดยตนวิเคราะห์ว่า หากจะมีการทิ้งมือลงในชักโครกจริง ๆ จะต้องมีการสับหรือหั่นให้มีชิ้นที่เล็กลง แต่ในทัศนะของตน มองว่าเรื่องนี้เป็นไปได้ยาก ทั้งนี้ จากการตรวจสอบห้องน้ำในบ้านหลังเกิดเหตุ ยังไม่พบชิ้นส่วนเนื้ออื่น ๆ นอกจากรอยเลือดของผู้เสียชีวิต

ขณะประเด็นที่ผู้ต้องหาหายไป 20 นาที หลังนำศพไปทิ้งและวนกลับมา ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบภาพวงจรปิดอย่างละเอียดตั้งแต่บ้านที่เกิดเหตุจนถึงจุดทิ้งศพเพื่อหาความเชื่อมโยงปะติดปะต่อกันว่าในระหว่างนั้น ผู้ต้องหาได้แวะทิ้งชิ้นส่วน ของผู้เสียชีวิตหรือไม่ แต่เบื้องต้นทำให้การของพยานผู้เห็นเหตุการณ์ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อทุกคดีอย่างมาก

ส่วนคำให้การของพี่ชายผู้ต้องหาที่ยังให้การไม่ตรงกันนั้น เบื้องต้นทางตำรวจให้ความสำคัญในส่วนของพยานแวดล้อมและประจักษ์พยานในบริเวณจุดทิ้งศพเสียก่อน แล้วค่อยให้ทางพี่ชายผู้ต้องหามาให้การเพิ่มเติมอย่างละเอียดในภายหลัง

ด้านกรณีพ่อของผู้ก่อเหตุให้ข้อมูลว่า ลูกชายยังไม่ฟื้นและยังรักษาอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤต พ.ต.อ.ณรงค์ ยืนยันว่า ตนได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าตัวผู้ต้องหาว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาฟื้นแล้ว มีสติสัมปชัญญะและตอบสนองทางม่านตาได้ แต่ยังไม่ยินยอมที่จะพูดหรือให้ปากคำให้การใด ๆ แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการประเมินจากทางแพทย์อย่างแน่ชัด แต่ได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าทั้งหน้าห้องและบริเวณโดยรอบของโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว