ากกรณีเกิดเหตุเสียชีวิต ภายในโรงแรมดัง ย่านราชประสงค์ เบื้องต้นทราบมีผู้เสียชีวิต 6 ราย เป็นชาวเวียดนาม และ ชาวอเมริกัน กลางดึกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมนั้น ภายหลังจากชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าห้องพักหมายเลข 502
โดยเป็นภาพวงจรปิดของวันที่ 15 ก.ค. ช่วงเวลาตั้งแต่เวลา 14.09 น. ถึง 14.17 น. ซึ่งภาพบันทึกเหตุการณ์ที่ผู้เสียชีวิตทั้ง 6 คนเดินลากกระเป๋า ทยอยเข้า-ออกห้องพัก 502 โดยนำกระเป๋าเดินทางเข้าไปไว้ภายในห้อง และภาพสุดท้ายคือทั้ง 6 คนได้เดินทยอยเข้าห้องพักดังกล่าว จากนั้นก็ไม่มีใครออกจากห้องอีกเลย ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 17 ก.ค.2567 รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบสารที่พบในแก้วเครื่องดื่มภายในห้องที่เกิดเหตุ เป็นสารที่คล้ายกับไซยาไนด์แต่มีฤทธิ์รุนแรงกว่า ที่ถูกผสมอยู่กับเครื่องดื่มดังกล่าว และประเด็นที่ตำรวจได้ตั้งข้อสันนิษฐานเอาไว้ หลังจากทราบข้อมูลผู้เสียชีวิต 6 คน มีการจองมา 7 คน แต่เช็คอิน 5 คน แต่พบศพ 6 ราย
ทางสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบหาเบาะแสบุคคลที่ 7 พบแล้ว คาดว่า เป็นน้องสาวของ 1 ใน 6 คนที่เสียชีวิต ตอนนี้ได้ทราบชื่อทั้งหมด 7 คนแล้ว และคนที่ 7 คนนี้ได้บินกลับประเทศไปตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นสันนิษฐานว่าน่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต
นอกจากนี้ ยังมีรายงานอีกว่า การเสียชีวิตในครั้งนี้เกิดจากบุคคล 1 ใน 6 ที่เสียชีวิต เป็นผู้กระทำให้คนวางยาทั้งหมด ก่อนจะเสียชีวิตเป็นรายสุดท้าย โดยมีสาเหตุมาจากปมหนี้สิ้น
ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวลูกสาวของผู้เสียชีวิตมาสอบสวนจนทราบว่า 1 ใน 6 ผู้เสียชีวิตเป็นหนี้หลักล้านหลังจากได้ทำการกู้หนี้ยืมสิน จึงทำให้ทราบถึงสาเหตุ ส่วนประเด็นความขัดแย้งอื่น ๆ นั้นยังไม่มี
ส่วนสารที่ใช้ผสมในเครื่องดื่มนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่า เป็นสารชนิดใด มีรายงานจากกองพิสูจน์หลักฐาน ว่า มันคือสารที่คล้ายกับไซยาไนด์ แต่มีฤทธิ์ที่แรงกว่า ไซยาไนด์มาก ส่งผลทำให้เสียชีวิตแบบเฉียบพลัน