จากกรณี สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ไทเป ได้รับรายงานจากตำรวจไต้หวัน กรณี น.ส.สุดธิดา หรือ แวว อายุ 32 ปี ชาว จ.อุดรธานี เสียชีวิตจากการถูกทำร้าย เสียชีวิตบนภูเขา ในพื้นที่เมืองจีหลง ประเทศไต้หวัน เมื่อวันที่ 11 พ.ค.67 เชื่อว่าถูกฆาตกรรม
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเกิดของ น.ส.สุดธิดา พบญาติและเพื่อนบ้าน ต่างพากันเศร้า หลังรู้ข่าว น.ส.สุดธิดา เสียชีวิต และรู้สึกสงสาร เพราะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มีลูก 2 คน ซึ่งขณะนี้ น.ส.ผ่องอำไพ แม่ของน.ส.สุดธิดา ได้เดินทางไปทำพาสปอร์ตในตัวเมือง จ.อุดรธานี และจะนั่งเครื่องบินไปเผาศพลูกสาวที่ไต้หวัน และจะนำกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน โดยญาติเรี่ยไรเงินเป็นตั๋วเครื่องบิน จำนวน 30,000 บาท มามอบให้
นางดวงพร อายุ 59 ปี ป้าของน.ส.สุดธิดา บอกว่า หลานสาวเพิ่งย้ายงานไปทำกับนายจ้างที่เป็นผู้หญิง ซึ่งประกาศหางานทางเน็ต โดยจะให้เงินเดือน 35,000 บาท เมื่อก่อนทำงานนวดแผนโบราณ พอเห็นประกาศนายจ้างผู้หญิงให้เงินเดือนเยอะ จึงตัดสินใจไปทำ และทำได้ยังไม่ถึงเดือน ตนเองเป็นคนคุยกับหลานสาวคนสุดท้าย คืนนั้นหลานสาวบอกว่า นายจ้างที่เป็นผู้หญิง จะพาขึ้นไปเก็บผักในภูเขา ตนก็เอะใจอยู่ทำไมพาไปเก็บกลางคืน และไม่คิดจะได้ยินข่าวร้ายว่าหลานสาวถูกฆ่าตาย เชื่อว่านายจ้างผู้หญิงวางแผนให้หลานสาวขึ้นไป แล้วเรียกผู้ชายเข้าไปรุมทำร้ายจนเสียชีวิตแล้วโยนลงเหว ส่วนแรงจูงใจที่นายจ้างลวงไปฆ่า เชื่อว่าเกิดจากอารมณ์ของนายจ้าง ที่หลานสาวทะเลาะกันก่อนเกิดเหตุ และเชื่อว่านายจ้างลวงไปฆ่าเพื่อชิงเอาทองคำหนัก 5 บาทของหลานสาวด้วย ส่วนที่มีข่าวพี่สาวเป็นคนฆ่าไม่ใช่แน่นอน เพราะพี่น้องสองคนรักกันมาก ตอนนี้พี่สาวหลังรู้ข่าวน้องถูกฆ่าตาย ได้แต่ร้องไห้ตลอดเวลาจนถึงตอนนี้
“ตนเองเป็นคนคุยสายสุดท้ายกันหลานสาว เขาก็ระบายให้ฟังว่า มาอยู่กับเจ้านายใช้ทำทุกอย่าง ซักกางเกงใน ซักผ้า จนไม่ได้กินข้าวเที่ยง จนหลานโมโหเตะถังน้ำ จากนั้นนายจ้างก็ชวนไปเก็บผักในภูเขา และถูกลวงไปฆ่าจนเสียชีวิต ไม่คิดว่าจะเป็นสายสุดท้ายที่ได้คุยกับหลานสาว เสียใจมากที่หลานสาวถูกฆ่าตาย เขาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เลี้ยงลูก 2 คน โดยป้าเป็นคนดูแลลูกให้ และส่งเงินให้ทุกเดือน เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่สู้ชีวิต ไม่ค่อยจะได้อยู่บ้าน ไปทำงานเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ได้ยินข่าวร้าย ทุกคนทั้งลุงป้าน้าอา พากันช็อก ไม่คิดว่า หลานจะมาจบชีวิตแบบนี้
จำได้ว่าหลังจากหลานสาวเสียชีวิต หมาหอนที่บ้านทั้งคืนเลย เหมือนวิญญาณหลานจะมาบอกญาติๆ และมีเรื่องน่าแปลกใจ คือ น.ส.ผ่องอำไพ แม่ของหลานสาว ไปทำงานยังกรุงเทพฯ 10 กว่าปี ไม่เคยกลับมาบ้านซะที แต่ไม่รู้เป็นไง กลับมาที่บ้านก่อนลูกสาวจะเสียชีวิตเพียง 2 วัน พอมาถึงบ้านก็ทำความสะอาดบ้าน และบอกพี่สาวทุกคนว่า ไม่รู้มีอะไรดลใจให้กลับมาบ้าน ขนาดเงินเดือนก็ไม่เอา แล้วก็ยังบอกกับญาติๆ ว่าต่อไปจะอยู่ที่บ้านทำไร่ทำนาไม่ออกไปทำงานที่อื่นอีกแล้ว มาอยู่บ้านได้ 2 วัน ก็มาได้ยินข่าวลูกสาวเสียชีวิต เหมือนมีลางอะไรให้แม่มาอยู่บ้าน และสุดท้ายต้องมาจัดงานศพลูกสาว” ป้าของน.ส.สุดธิดา กล่าว
ด้าน นางทองตวย อายุ 62 ปี ป้าอีกคนของน.ส.สุดธิดา เปิดเผยว่า หลังรู้ข่าวว่าหลานสาวถูกฆ่าตาย ตกใจแทบช็อก ญาติๆ พากันร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมาก ไม่รู้เรื่องร้ายๆ จะเกิดกับหลานสาวแบบนี้ ห่วงแต่ลูกชายของเขา 2 คน เขาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว สู้ชีวิต มาตายแบบนี้ ป้าๆ ใจสลายเลย
ขณะที่ แฟนหนุ่มของน.ส.สุดธิดา ยังอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ โพสต์ข้อความว่า “คิดถึงนะครับนางฟ้าของเค้า เค้าจะเร่งทำสิ่งที่เค้าควรทำให้เร็วที่สุด เธอไม่ต้องห่วงนะครับที่รัก เค้าจะเอาคนที่ทำกับเธอมารับกรรมที่มันทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ คิดถึงนะครับ คิดถึงตลอดเวลา รักและคิดถึงมากนะนางฟ้าของเค้า”