ตำรวจสั่งให้นำร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุ ไฟไหม้แทงก์เก็บสารไพรโรไลสิสมาบตาพุดกลับโรงพยาบาลตำรวจ หาสารเคมีตกค้าง

เจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งให้นำร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุ ถังเก็บสารเคมีระเบิดในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดนำส่งโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาสารเคมีตกค้างในร่างกายก่อนนำบำเพ็ญกุศล

เมื่อเวลา 20.00 น วันที่ 10 พฤษภาคม 2567 ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ญาติของ นายนพพร เรือนมา ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ ถังเก็บสารเคมีบริษัทฯ ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง เกิดระเบิด จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

ต่อมาญาติได้มารับศพ เพื่อจะเดินกลับภูมิลำเนายัง จังหวัดเชียงรายเพื่อบำเพ็ญกุศล เจ้าหน้าที่ได้นำร่างของผู้เสียชีวิตเดินทาง กลับยังภูมิลำเนา โดยรถของเจ้าหน้าที่กู้ภัย

และเมื่อเวลา 18.00 น. ขณะที่เดินทางกำลังจะเข้า จังหวัดอ่างทอง ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งให้ ญาตินำศพของผู้เสียชีวิต มายังโรงพยาบาลตำรวจ ในกรุงเทพฯเพื่อตรวจหาสารเคมีตกค้างในร่างกายก่อน ซึ่งญาติของผู้เสียชีวิตนั้น ไม่ได้ติดใจเรื่องการเสียชีวิตแล้วและอยากนำร่างกับภูมิลำเนา แต่มันเป็นขั้นตอนของคดีความจึงจำเป็นต้องนำร่างกลับมายังโรงพยาบาลตำรวจ

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดปูแกง ม.1 ต.แม่เย็น อ.พาน จ.เชียงราย เพื่อติดตามการทำงานศพ พบว่าชาวบ้านได้มาช่วยกันเตรียมสถานที่เพื่อจัดพิธีศพ โดยได้นำเต็นท์มากางที่หน้าศาลาอเนกประสงค์ โดยวันนี้เป็นการเตรียมงานคร่าวๆ ทางญาติยังไม่ได้พูดคุยกันถึงการหนดการวันฌาปณกิจศพแต่อย่างได

นางปั๋น อายุ 67 ปี มารดาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ตนมีลูกชาย 2 คน นายนพพร ที่เสียชีวิตเป็นลูกคนที่ 2 ตอนเด็กๆ เขาก็ชอบช่วยเหลือคนอื่นเป็นประจำ เป็นคนขยัน ประหยัด ไปทำงานที่ระยองได้ประมาณ 8-9 ปี และแต่งงานมาได้ประมาณ 5 ปี มีลูกชาย 1 คน ชื่อพายุ อายุ 3 ขวบกว่า

มารดาผู้เสียชีวิต กล่าวต่อว่า ตอนวันที่เกิดเหตุ ตนไม่ทราบเรื่อง มีเพื่อนบ้านมาตามที่บ้านบอกมีเรื่องจะคุยด้วย ตนก็แปลกใจว่าทำไมไม่คุยที่บ้าน แต่ก็ตามเขาไปด้วย พอไปถึงตนก็ถามว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ เขาก็บอกกันว่า นพพร ลูกชายของตนไปประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในที่ทำงานที่ จ.ระยอง สาเหตุที่พาตนไปคุยที่มีคนเยอะ เพราะกลัวว่าตนอยู่คนเดียวจะเสียใจ จนทำใจไม่ได้ ก็เลยพากันปลอบใจ ยอมครับว่าตอนได้ยินข่าวทีแรกตนแทบจะซ็อค ทำใจไม่ได้ ไม่คาดคิดว่าลูกคนเล็กจะจากไปเร็ว ทำใจไม่ได้ คิดถึงลูกทีไรน้ำตาก็จะไหล

ด้านนางศรีวรรณ อายุ 54 ปี แม่ยายของผู้ตาย กล่าวว่า ลูกเขยเป็นคนดี ดูแลพ่อแม่ทั้ง 2 บ้านอย่างดีตลอด ถ้าดวงวิญญาณลูกเขยรับรู้ก็อยากจะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงอะไร หลานชายที่บ้านพวกตนก็จะดูแลให้อย่างดี เรื่องหนี้สินบ้านที่ระยอง หลังเสร็จงานศพถ้ามีเงินเหลือก็จะไปจัดการให้

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ไฟไหม้ ,มาบตาพุด ,ไฟไหม้แทงก์