เพื่อนบ้านรวมตัวต้าน “บ้านทหารเรือ” ร้องเรียน 8 ปีไม่หยุด ร้องทุกเรื่อง ยันเสียงกวาดใบไม้

ทีมข่าวช่อง 3 ลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านดังกล่าว ปรากฎว่าลูกบ้านนับ 10 กว่าคน ต่างออกมาจากเพื่อให้ข้อมูล โดยระบุว่า พวกตนถูกบ้านของทหารเรือนายนี้ร้องเรียนเป็นประจำ บางคนอยู่กันคนละซอย แต่ก็ถูกร้องเรียนไปด้วย เช่น บ้านหลังไหนที่ซ่อมแอร์, ล้างแอร์, ล้างร , ซ่อมปั๊มน้ำ, รดน้ำต้นไม้, กินหมูกะทะ, ย่างปลาหรือรถส่งของขับเข้ามาส่งของก็จะถูกร้องเรียน ว่าเสียงดังรบกวนบ้าง สกปรกบ้าง เคยมีบ้านหลังหนึ่งมีลูกเล็ก เด็กร้องไห้ก็ถูกร้องเรียน เด็กเล็กใส่รองเท้าหัดเดินที่จะมีเสียงก็ถูกร้องเรียน เด็กโตขึ้นมาหน่อยวิ่งเล่นกันหน้าบ้านก็ถูกด่า ถูกตามถ่ายคลิป ถ่ายรูปแล้วไปร้องเรียน จนเด็ก ๆ เกิดความหวาดกลัว

นางสาวอ้อย อายุ 45 ปี หนึ่งในลูกบ้านที่ถูกร้องเรียนบอกว่า ตนเองอยู่บ้านฝั่งตรงข้ามเยื้อง ๆ กับบ้านของทหารเรือ ตนมีอาชีพขับรถมอเตอร์ไซต์ขายน้ำชงชา-กาแฟต่าง ๆ ซึ่งช่วงเวลาประมาณตี 5-6 โมงเช้า ตนเองจะต้องตื่นมาเตรียมของ เพื่อจะออกไปขายของ ก็จะถูกบ้านทหารเรือร้องเรียนว่าเสียงดัง ต้นไม้ที่ปลูกหน้าบ้านเวลาเศษใบไม้ร่วงและปลิวไปหน้าบ้านคนอื่น รวมถึงหน้าบ้านทหารเรือ ตนเองก็จะไปตามกวาดให้ ขณะที่บ้านหลังอื่น ๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไรกล่าวคำขอบคุณตนด้วยซ้ำ แต่บ้านทหารเรือกลับไปร้องเรียน และออกมาโวยวายว่ากวาดใบไม้เสียงดัง และทำให้ฝุ่นฟุ้งเข้าไปในบ้าน จนเคยมีปากเสียงทะเลาะกันมาแล้วรอบหนึ่ง ซึ่งเมียของทหารเรือตะโกนด่าทอตนเองเสีย ๆ หาย ๆ พร้อมด้วยคำสาปแช่งสารพัด ซึ่งตนเคยแจ้งความเพื่อดำเนินคดีแล้ว แต่ตำรวจบ่ายเบี่ยงไม่รับแจ้ง จนคดีหมดอายุความ

นางสาวอ้อย บอกอีกว่า ตนเองอยู่ที่บ้านหลังนี้มา 13 ปี ช่วง 3-4 ปีแรก ก็ไม่มีปัญหาอะไร อยู่ร่วมกันดี จากนั้นบ้านทหารเรือย้ายไปอยู่สัตหีบ 1-2 ปี พอกลับมาเปลี่ยนกันเป็นคนละคน และเริ่มมีปัญหาร้องเรียนเพื่อนบ้าน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงตอนนี้ 7-8 ปี ก็ยังร้องเรียนไม่เลิก

ตนเองเครียดมากเวลาถูกร้องเรียนก็ต้องไปให้ข้อมูลให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่หรือมีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานเขตลงพื้นที่มาทำให้ไม่เป็นอันทำมาหากิน เคยเครียดถึงขั้นคิดจะกระโดดสะพานแขวนฆ่าตัวตาย ครั้งนี้ตนจึงต้องขอร้องผ่านสื่อให้มาเป็นคนกลาง เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยกับบ้านของทหารเรือ

ขณะที่นางสาวพลอย อายุ 28 ปี เพื่อนบ้านอีกหลังที่ถูกบ้านทหารเรือร้องเรียน พาทีมข่าวไปดูที่บ้านของตนเอง ซึ่งอยู่ซอยถัดไป แต่หลังบ้านชนกับบ้านทหารเรือ โดยบ้านของนางสาวพลอย เลี้ยงนกเขาประมาณ 10 ตัว ก็ถูกร้องเรียนเรื่องเสียงนกและเรื่องความสะอาด ซึ่งเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตเคยลงพื้นที่มาตรวจสอบแล้ว ก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดกฎหมายและเสียงนกเขาก็ไม่ได้ร้องเสียงดัง แต่ตนก็ถูกบ้านทหารเรือร้องเรียน เวลาทำกับข้าวก็จะถูกบ้านทหารเรือตะโกนด่าลอย ๆ ข้ามกำแพงมา และปิดประตูเสียงดังใส่ ซึ่งเป็นแบบนี้มาตลอด 7-8 ปีที่ผ่านมา เคยมีคดีความขึ้นโรงขึ้นศาลกันแล้วรอบหนึ่ง คู่กรณีให้ตนเองเขียนคำขอโทษเป็นลายลักษณ์อักษรเพราะตอนนั้นตนเองโมโหจึงตะโกนด่าสวนกลับไป

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ป้าไหม อายุ 68 ปี บอกว่า ตนเองโมโหมาก อยู่มาจนอายุปูนนี้ กลับมาถูกด่า ถูกสาปแช่ง ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ซึ่งตนเปิดร้านขายของขายชำอยู่ถัดไปอีก 2 ซอย ซึ่งไกลจากบ้านของทหารเรือพอสมควร เวลามีคนในซอยเดียวกันกับบ้านทหารเรือสั่งของ ตนก็ขี่รถมอไซต์มาส่งของ ปรากฏว่าถูกบ้านทหารเรือตะโกนด่าทอด้วยคำหยาบคาย แถมสาปแช่ง บอกว่า “ขอให้ชิบหายนโมพุทธายะ”

ขณะที่ทีมข่าวฯ พยายามติดต่อบ้านทหารเรือ ซึ่งยอมให้ข้อมูลกับทีมข่าว แต่ไม่ยอมให้ใช้เสียงสัมภาษณ์ โดยบ้านทหารเรืออธิบายว่า จุดเริ่มต้นตัวเองร้องเรียนโครงการก่อสร้างโกดังและโรงงานที่อยู่รั้วติดกัน ว่าทำการก่อสร้างและส่งผลกระทบทำให้รั้วบ้านของตนทรุดเวลาฝนตกก็จะมีน้ำรั่ว

แต่หลังจากนั้นพวกชาวบ้าน 10 หลังก็รวมหัวกันกลั่นแกล้งบ้านตนเอง โดยมีบ้านของ น.ส.พลอย ที่หลังบ้านติดกับตนเองเป็นพวกเดียวกับคนงานก่อสร้างที่มาทำการก่อสร้างโกดัง ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบได้ยังไงว่าเป็นพวกเดียวกัน บ้านทหารเรือบอกว่า ได้ยินเสียงแล้วจำได้ คิดว่าเป็นคนเดียวกันแน่นอน

ซึ่งเรื่องที่ตนร้องเรียนโกดังไปมันก็หลายปีมาแล้ว ทางเจ้าของโกดังก็ชดใช้ค่าเสียหายมาแล้ว 2 แสนบาท ส่วนที่ชาวบ้านไปรวมตัวกัน คนมองว่าเป็นการรวมหัวกลั่นแกล้งตน เป็นพวกเดียวกันกับคนงานของโกดัง โดยเฉพาะ น.ส.อ้อย เพราะ น.ส.อ้อย ขับรถไปขายน้ำชงให้คนเหล่านี้ เพราะฉะนั้นคนพวกนี้เป็นพวกเดียวกันหมด รวมหัวแกล้งตน ส่วนเรื่องที่ตนร้องเรียนบ้านแต่ละหลังไปก็ล้วนเป็นการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย และบ้านของคนเหล่านี้ทำผิดและละเมิดสิทธิของตนและด่าตนก่อนด้วย