สองเพื่อนรัก ตั้งวงก๊งเหล้า เมาพูดไม่เข้าหู คว้าขวานจามเพื่อนดับ

เมาแล้วนิสัยเปลี่ยน!สองเพื่อนรักชวนกันตั้งวงก๊งเหล้า เมาแล้วปากหาเรื่องก่อนที่เพื่อนสุดทนคว้าขวานจามหัวด

เมื่อวันที่19พ.ค.256 7ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้(วันที่18พ.ค.2567) ตำรวจสภ.อุทุมพรพิสัย ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนถูกฟันด้วยของมีคมเสียชีวิตที่ สถานีรถไฟอุทุมพรพิสัย อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ จึงรีบออกไปตรวจที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบร่างนายเหลือ ตึงตระกุล อายุ 53 ปี  เสียชีวิต ถูกฟันด้วยของมีคมที่บริเวณศีรษะด้านหลังเหนือท้ายทอย 3 แผล เป็นแผลเหวอะมีเลือดไหลนองพื้น

ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายวิรัตน์ พิศวงค์ อายุ 52 ปี เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้หลังเกิดเหตุพร้อมอาวุธที่ใช้ก่อเหตุเป็นขวาน 1 เล่ม ก่อนจะควบคุมตัวไปสอบปากคำที่ สภ.อุทุมพรพิสัย

ต่อมาเมื่อช่วงเช้าของวันที่19 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปดูจุดเกิดเหตุซึ่ งเป็นสถานีรถไฟอุทุมพรพิสัย โดยได้มีเพื่อนวินรถจักรยานยนต์พาไปดูจุดที่เกิดเหตุ และบริเวณจุดพักวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง ยังพบรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย เป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟ100หมายเลขทะเบียน ขงข 43 ศรีสะเกษ จอดอยู่ ด้านหน้าตะกร้ารถพบมีข้าวของของผู้ตายหลายอย่าง โดยยังไม่มีเจ้าหน้าที่หรือญาติผู้ตายมานำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไปเก็บไว้

เจ้าของร้านขายของชำรายหนึ่ง ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ก่อเหตุและผู้ตายได้มานั่งดื่มเหล้าด้วยกันอยู่ที่หน้าร้านโดยทั้ง 2 คนจะมานั่งกินเหล้าอยู่ตรงนี้อยู่เป็นประจำ เวลาจะไปไหนมาไหนก็จะไปด้วยกันถือว่าเป็นเพื่อนรักกัน แต่เวลาเมาขึ้นมาผู้ตายจะชอบพูดขัดพูดหาเรื่องอยู่ตลอดแต่เวลาไม่เมาก็จะพูดดี ซึ่งหลังจากดื่มกันเสร็จ ก็ได้แยกย้ายกันกลับ โดยก่อนกลับได้มีปากเสียงกันเล็กน้อย ก่อนได้ยินข่าวภายหลังว่ามีการฆ่ากันตายอย่างน่าสลด

ด้านแม่ของผู้ก่อเหตุ เล่าให้ฟังว่า ผู้ก่อเหตุกับผู้ตายเป็นเสี่ยว หรือเป็นเพื่อนรักกัน นิสัยของผู้ตายเป็นคนที่ชอบดุด่าผู้ก่อเหตุชอบใช้หนังสติ๊กยิงใส่ศีรษะและยังชอบดุด่าถึงบุพการี โดยคาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะโดนผู้ตายกระทำหลาย ๆ ครั้งทำให้ผู้ก่อเหตุโกรธมากทนไม่ไหวจึงไปเอาขวานที่บ้านไปก่อเหตุฆ่าผู้ตาย

อย่างไรก็ตามขณะนี้ตำรวจ ยังไม่ได้สอบปากคำกับผู้ก่อเหตุอย่างละเอียด เนื่องจากตอนนี้ผู้ก่อเหตุยังมีอาการเมาสุราอยู่ ซึ่งต้องรอให้ผู้ก่อเหตุหายจากอาการมึนเมา และสภาพร่างกายพร้อมกว่านี้จึงจะได้สอบปากคำกับผู้ก่อเหตุอย่างละเอียดได้ แต่ตอนนี้ได้ตั้งข้อหาในเบื้องต้นไว้ก่อนแล้วคือข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาซึ่งในช่วงบ่ายของวันนี้จะได้นำตัวผู้ก่อเหตุไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไป