“พิธา” ขู่พรรคจ้องจะดูด สส. บอกไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้เรื่อง ย้ำจะไม่ล่าแม่มด

19 พ.ค. 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสยุบพรรคก้าวไกลว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้ขยายเวลาการส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ภายในต้นเดือน มิ.ย.นี้ ก็พร้อมที่จะยื่น โดยได้มีการเตรียมเอกสารไว้แล้ว ซึ่งในทางการต่อสู้ต้องแก้ข้อกล่าวหามาตรา 91 และมาตรา 92 ขณะเดียวกันต้องใช้หลักฐานจากภายนอก ซึ่งข้อกล่าวหาในคำร้องคดีนี้แตกต่างจากคำร้องคดีล้มล้างการปกครองเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา พร้อมกล่าวว่า ได้เตรียมใจตั้งแต่วันแรกตั้งแต่เป็นนักการเมืองที่จะรองรับเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญหน้า

“การเป็นนักการเมืองเตรียมใจแต่วันแรกที่เข้ามาทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้ทั้งหมด แต่ว่าเราอย่าเอาเวลาไปกังวลให้มากจนเกินไปในสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น แต่ต้องทำสิ่งที่อยู่ต่อหน้าปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และวันนี้มี Policy Fest เดินทางไปประเทศเกาหลีใต้ และวันที่ 18 มิ.ย.นี้ มีอภิปรายกฎหมายประชามติที่จะได้อภิปรายด้วย รวมถึงกฎหมายงบประมาณยังคงทำหน้าที่ทุกวัน” นายพิธากล่าว

นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดถึงพรรคสำรอง ตอนนี้ขอโฟกัสเรื่องงาน แม้จะมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลมั่นใจว่า สส.ในพรรคกว่า 150 คนจะคงไปสังกัดพรรคใหม่ ยืนยันว่า จะทำทุกอย่างให้ทุกคนได้ไปอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่แค่คนที่รอดหรือไม่รอด โดยไม่ห่วงว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยโดนดูดสส.อย่างตอนยุบพรรคอนาคตใหม่

“ผมฟังแต่ยังไม่เชื่อ ไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าพรรคไหนต้องการที่จะได้ไป เพื่อให้มีโควตาสส.เอาไว้ต่อรองใน ครม. หรืออาจจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้น อย่าง 2-3 วันที่ผ่านมา ก็รับฟังทุกเรื่อง ขณะเดียวกันเป็นการบ่อนเซาะทำลายความเชื่อมั่นของพรรคในช่วงที่แย่ ซึ่งก็ได้เตือนผ่านหัวหน้าพรรค และช่วยพูดกับคนในพรรคว่ายังคงฟังซึ่งกันและกัน จะไม่ล่าแม่มดหรือกล่าวหาว่าเป็นใครในพรรคหรือไม่ ซึ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นในพรรคหายไป และทำให้การ ดูดสส.ง่ายขึ้น ขอให้ทุกคนหนักแน่นกับพรรคก้าวไกล พรรคเข้มแข็งหนักแน่นในอุดมการณ์ และต้องถามตัวเองบ่อย ๆ ว่ามาเป็นนักการเมืองและสส.พรรคก้าวไกลทำไม” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวต่อว่า หากให้อธิบายเรื่องข้อกฎหมายต่อศาลว่าพรรคก้าวไกลไม่มีเจตนาล้มล้างการปกครอง เพราะการล้มล้างคือการทำรัฐประหาร การร่วมมือกับรัฐบาลต่างประเทศการแบ่งแยกแผ่นดินหรือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง โดยยืนยันว่าสิ่งที่พรรคทำมีเจตนาดีต่อการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันในประเทศไทยผ่านนิติรัฐ นิติธรรม และความศรัทธา

นายพิธา ย้ำว่า คดียุบพรรคไม่ได้ทำให้เสียสมาธิ ไม่ว่าจะมีคำสั่งใดออกมายังคงเตรียมการอภิปรายแก้ไขร่างพระราชบัญญัติการออกเสียงประชามติที่จะมีขึ้นช่วงวันที่ 18 มิ.ย.นี้ โดยช่วงเย็นวันนี้นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลจะขึ้นพูดถึงอนาคตการเมืองไทย และอนาคตของพรรคก้าวไกลด้วย

นายพิธา ยังให้สัมภาษณ์ถึงการที่พรรคมีมติไม่ส่งผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานี ว่า ตนต้องเริ่มต้นด้วยการขอโทษพี่น้องชาวปทุมธานี ที่พรรคก้าวไกลหาผู้สมัครที่พร้อมได้ไม่ทันเวลา เนื่องจากเทคนิคทางการเมือง ที่เกิดการชิงลาออกก่อน ทำให้เราไม่สามารถหาตัวได้ แต่ในขณะเดียวกัน ขอตั้งข้อสังเกตไว้ว่าการทำแบบนี้ ทำให้งบประมาณของชาวจังหวัดปทุมธานีต้องเสียไป 2 ครั้ง เลือกนายก อบจ.ครั้งหนึ่ง เลือกสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) ครั้งหนึ่ง ตนไม่แน่ใจว่าชาวปทุมธานีคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไรซึ่งเราก็ยังมี สส. ที่ตั้งใจทำงานแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวปทุมธานีต่อไป “เรารู้อยู่แล้วว่าเทคนิคแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะทำได้ แต่ผมก็คิดว่าไม่สง่างามเท่าไหร่” นายพิธา กล่าว

ส่วนจังหวัดอื่นที่ผู้สมัครชิงลาออกจากตำแหน่งก่อนนั้น นายพิธา กล่าวว่า จังหวัดปทุมธานีมีความพิเศษนิดหน่อย เพราะคนที่เราเตรียมเป็นว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.เข้าอบรมกับเรา เป็นคนใกล้ชิดของนายก อบจ.ที่ลาออกไป

“คนที่เราเตรียมพร้อมมาเป็นว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ของปทุมธานี เป็นคนที่มีความใกล้ชิดกับคนที่ลง คนที่อยู่ในสนามแข่งขัน ณ ตอนนี้ โดยที่ไม่ได้คิดไม่ได้ฝันว่าจะเกิดลักษณะแบบนี้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น ตอนนี้เราต้องไปหาคนใหม่ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องคนที่เตรียมพร้อมไว้ก็ลงไม่ได้ ปัญหาก็เลยเกิดขึ้น แต่ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าจะเป็นเฉพาะที่จังหวัดปทุมธานี จังหวัดอื่นที่อยู่ในเป้าหมายเราก็มีคนลงสมัครอยู่” นายพิธา กล่าว

เมื่อถามว่ากังวลว่าชาวปทุมธานีจะแยกไม่ออกระหว่างเป็นคนของก้าวไกลกับคนของนายก อบจ. เพราะเป็นเนื้อเดียวกันใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ถูกครับ

ส่วนจังหวัดนครสวรรค์ ที่นายก อบจ. ลาออกเหมือนกัน นายพิธา กล่าวว่า เราต้องเตรียมพร้อมมากกว่าเดิม ตนขอใช้โอกาสนี้ในการฝากทุกคนในจังหวัดนั้นว่าการทำแบบนี้ทำได้จริง ก็เหมือนกับรัฐบาลยุบสภา แต่ต้องดูว่ามีเหตุผลหรือไม่และผลลัพธ์ของมันทำให้ต้องเสียงบประมาณเลือกตั้ง 2 ครั้ง เหมาะสมหรือไม่ที่จะทำ ส่วนเราก็ต้องเตรียมความพร้อมให้มากขึ้นกับจังหวัดอื่น เราเน้นที่คุณภาพมากกว่าจำนวน