เรื่องราวของชายชราชาวเซี่ยงไฮ้ที่มอบมรดกให้กับคนขายผลไม้คนหนึ่ง ได้สร้างความฮือฮาอย่างมากให้กับสังคมจีน เนื่องจาก คำตัดสินครั้งที่สองของคดีนี้ได้ถูกเปิดเผยออกมา เมื่อไม่นานมานี้ ทำให้เรื่องราวแปลกประหลาดดังกล่าวกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง
โดยจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มีที่มาจาก ชายชราวัย 88 ปี นามว่า หม่า ที่ต้องอาศัยอยู่เพียงลำพังในบ้านของเขาที่เขตเป่าซาน เมืองเซี่ยงไฮ้ หลังจากที่ ภรรยาและลูกชายของเขาเสียชีวิตไปในปี 2011 และ 2017 ในช่วงเวลานั้นมีเพียงนายหลิว เจ้าของแผงขายผลไม้ใกล้บ้านเท่านั้นที่คอยดูแลเขาเป็นประจำ
ด้วยประทับใจในความห่วงใยจากคนนอกสายเลือดอย่างหลิว นายหม่าจึงตัดสินใจทำพินัยกรรมมอบอสังหาริมทรัพย์ เงินฝาก และทรัพย์สินอื่น ๆ ทั้งหมดให้กับหลิวเมื่อเขาเสียชีวิต ทั้งคู่ได้ลงนามในข้อตกลงกัน โดยมีข้อแม้ว่า หลิวต้องรับผิดชอบดูแลเรื่องอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย การดูแลสุขภาพ และบั้นปลายชีวิตของนายหม่า
จากนั้น ในเดือนมีนาคม ปี 2019 นายหม่าและนายหลิวได้ไปที่สำนักงานในเซี่ยงไฮ้ เพื่อรับรองข้อตกลงการรับมรดกดังกล่าว ต่อมา ภรรยาหลิวก็ย้ายเข้ามาอยู่กับนายหม่าในบ้านของเขาเพื่อช่วยกันดูแล
จนกระทั่ง วันที่ 31 ธันวาคม 2021 นายหม่าได้เสียชีวิตลง เมื่อญาติของนายหม่าทราบว่า เขาได้มอบทรัพย์สินทั้งหมดมูลค่า 3 ล้านหยวน หรือมากกว่า 14 ล้านบาท ให้กับนายหลิวคนขายผลไม้ พวกเขาจึงรวมตัวกันคัดค้านอย่างหนักและฟ้องร้องนายหลิวต่อศาล ซึ่งน้องสาวของนายหม่าและญาติคนอื่น ๆ อ้างว่า ชายชราวัย 88 ปีนั้นป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ก่อนทำพินัยกรรม ทำให้พินัยกรรมดังกล่าวไม่มีความน่าเชื่อถือ
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2023 ศาลชั้นต้นก็มีคำตัดสินให้ทรัพย์สินของนายหม่า ตกเป็นของนายหลิวอยู่ดี นั่นจึงทำให้ ญาติของนายหม่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก พร้อมกับได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ แต่ศาลยังคงยืนยันคำตัดสินเดิม
ทั้งนี้ หลังเรื่องราวดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไปบนโลกออนไลน์ ชาวเน็ตหลายคนต่างเข้ามาความยินดีกับนายหลิว โดยมองว่า ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนนี้เป็นเรื่องราวดี ๆ แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่ในวาระสุดท้ายของชีวิต กลับเป็นคนแปลกหน้าอย่างเจ้าของแผงขายผลไม้ที่นำความรักและความอบอุ่นมาให้เขา จึงมีเหตุสมควรที่นายหม่าจะมอบทรัพย์สินให้