“พิชิต” แจงสำนักพุทธฯ ไม่มีอำนาจตรวจสอบ “เด็กเชื่อมจิต”

นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่สำนักพุทธฯ ออกมาระบุว่าไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบกรณีเด็กเชื่อมจิต ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งเมื่อเข้ามารับตำแหน่งก็ได้ตรวจสอบ เพราะกรณีนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ในขณะที่รัฐธรรมนูญได้ให้ความคุ้มครองเรื่องความเชื่อ แต่ตอนนี้สังคมมาถึงจุดขัดแย้ง ซึ่งจากการตรวจสอบกับสำนักพุทธฯ พบว่าครอบครัวของน้องคนดังกล่าว มีภาคเอกชนเข้าไปตรวจสอบ และไม่เห็นด้วยกับการกระทำ และได้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับการกระทำ ที่กองบังคับการตำรวจปราบปราม จนกลายเป็นเรื่องระหว่าง 2 ฝ่าย

ดังนั้น ตนในฐานะที่กำกับดูแลเรื่องนี้ ได้ตรวจสอบข้อกฎหมายในเรื่องที่มีความใกล้เคียง ซึ่งเกิดขึ้นที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ แม้คดียังไม่ถึงที่สุด แต่พอจะเป็นหลักเกณฑ์ได้ว่าพระธรรมคำสั่งสอนไม่ต้องซื้อขาย สามารถหาดูพระธรรมและพระไตรปิฎกได้ ซึ่งวัดต่างๆก็มีการสอนพระพุทธศาสนาทุกวันอาทิตย์ จึงอยากให้ไปดูคำพิพากษาจะทำให้ได้แง่มุม ส่วนตัวไม่ขอกล่าวถึงรายละเอียดของคดี แต่ยืนยันว่าพระธรรมไม่ต้องซื้อ ในหลักธรรมผู้ใดเห็นธรรมะ ผู้นั้นเห็นตะถาคต (พระนามที่พระพุทธเจ้าเรียกตัวเอง) ดังนั้นขอเรียกร้อง ว่าศรัทธาอยากแกว่ง เพราะเรามีพระไตรปิฎก ทั้งนี้หากความเชื่อดังกล่าวไปล่วงเกินกฎหมายบ้านเมืองแล้วเกิดความเสียหาย ซึ่งขณะนี้มีการแจ้งให้ดำเนินคดี ถือว่าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

 

พร้อมกันนี้ นายพิชิต ยังเปิดเผยว่า ได้กราบนมัสการพระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม และพูดคุยกับผอ.สำนักพุทธฯ จึงได้สั่งการให้ตรวจสอบความเชื่อที่มีการเผยแพร่ต่อสาธารณะและหาผู้รู้ผู้เกี่ยวข้องเพื่อทำความเข้าใจกับสาธารณะ ซึ่ง ผอ.สำนักพุทธฯ หนักใจ เนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ หากเป็นเรื่องของพระสงฆ์จะดำเนินการได้เร็วกว่านี้ แต่ตนก็ได้กำชับว่าสำนักพุทธฯ ต้องทำความจริงว่าพระไตรปิฎก พระธรรมวินัยว่าอย่างไร แม้จะเป็นความเชื่อ ก็ต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ อีกไม่นานสำนักพุทธฯ จะทำให้กระจ่าง

ส่วนการล่วงเกินกฎหมายบ้านเมือง ถือว่าอยู่ในกระบวนการยุติธรรมที่จะรับไปสอบสวนว่ามีการฉ้อโกง หรือผิด พ.ร.บ.คอมฯ หรือไม่ พร้อมกันนี้ นายพิชิต ยังย้ำว่าในฐานะที่เคยเป็นเด็กวัดและกำกับดูแลสำนักพุทธฯ ขอให้ศรัทธาอย่าแกว่ง ถ้าศรัทธาไม่แกว่งก็จะไม่มีปัญหา

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสำนักพุทธฯ ใช่หรือไม่ นายพิชิต ยอมรับว่าไม่อยู่ในกรอบอำนาจของสำนักพุทธฯ แต่ตนก็ไม่ละเลยในเรื่องพระพุทธศาสนา

ขณะเดียวกัน เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่สำนักนายกรัฐมนตรี ส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตรวจสอบคำสั่ง พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกจากราชการไว้ก่อน ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่ นายพิชิต ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยระบุว่า ตนยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้